Titanic — เรื่องราวสุดแสนจะนํ้าเน่าที่ถูกเอาชนะได้ด้วยการกำกับชั้นครู(และทุนสร้างมหาศาล)

TITANIC — ไทนานิค

194 MIN. — 1997

James Cameron — เจมส์ คาเมรอน

 

 

ในบรรยากาศของเดือนแห่งความรักเช่นนี้ ก็ได้มีหนึ่งในภาพยนตร์รักโรแมนติกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลอย่าง  ไททานิค ของยอดผู้กำกับ เจมส์ คาเมรอน ได้ช่วยเสริมบรรยากาศให้อิ่มเอมขึ้นไปอีก โดยการกลับมาคืนจอภาพยนตร์ในครั้งนี้ ก็เนื่องจากใยโอกาสครบรอบ 25 ปี ของตำนานภาพยนตร์ชู้รักเรือล่ม หลังจากการเข้าฉายครั้งแรกในปีเดือนธันวาคม ปี 1997 โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ ถือเป็นภาพยนตร์ที่ครองอันดับที่สามในทำเนียบภาพยนตร์ทำรายได้สูงที่สุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์ของวงการภาพยนตร์ ด้วยรายได้มากกว่า $2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

โดยภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดยสองนักแสดงดาวรุ่งในยุคนั้นอย่าง ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ ในบทของชายผู้ใช้โชคชะตานำทางชีวิตของตนเอง แจ็ค ดอว์สัน และ เคท วินสเลต ในบทหญิงสาวชนชั้นสูง โรส เดวิท บูเคเตอร์ ผู้ถูกคนรอบตัวบงการณ์จนทำให้เธออยากจะจากโลกนี้ไปให้ทุกอย่างมันจบสิ้น จนเมื่อโชคชะตาเล่นตลกให้ทั้งสองมาพบเจอกันด้วยความบังเอิญ ที่แปรผันกลายมาเป็นเรื่องราวของความโรแมนติกต้องห้าม และจบสิ้นด้วยโศกนาฏกรรมรักที่จะถูกจดจำไปตลอดกาล

ฟังดูแล้วอาจจะทำให้คิดไปได้ว่าบทของภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะเป็นอะไรที่เชยเสียเหลือเกิน เชยจนแทบจะเข้าขั้นของการเป็นละครนำ้เน่าแล้ว เรื่องราวของความรักต่างชนชั้นที่ถูกครอบครัวของฝ่ายหนึ่งกีดกันนี้ ถูกผลิตซำ้จนผู้ชมภาพยนตร์ทั่วโลกแทบจะเอือมระอากันไปหมดแล้ว แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ไปได้ทั้งหมด จนกลายมาเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ผู้คนทั่วโลกต่างรู้จัก

เหตุผลประการหนึ่งคือ ความเฉียบคมในฝีมือการกำกับของ เจมส์ คาเมรอน ที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวที่สุดแสนจะซํ้าซากเหล่านี้ ให้ออกมาเป็นเป็นภาพยนตร์ที่สามารถควบคุมจังหวะการดึงดูดผู้ชมได้อย่างยอดเยี่ยม มีทั้งในส่วนเรื่องราวของรักโรแมนติกของทั้งคู่, เรื่องราวของความดราม่าระหว่าง โรส และคนรอบตัวของเธอ และอารมณ์ขันที่สอดแทรกเข้ามาได้อย่างถูกจังหวะ การควบคุมจังหวะและอารมณ์เหล่านี้ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมเสียจน ทำให้ฉากจูบระหว่างทั้งสองที่ออกดูจะผิดที่ผิดทางอยู่หลายครั้ง กลายเป็นเรื่องที่น่าประทับมาขึ้นมาได้เลยทีเดียว

เหตุผลประการที่สองก็คือ งบประมาณหรือทุนสร้างที่ใช้ในการรังสรรค์ตำนานรักครั้งนี้นั้นถือเป็นจำนวนเงินที่มหาศาลมาก โดยทุนสร้างโดยประมาณของภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ที่ $200 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่าภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่เป็นการปิดฉากไตรภาคของคณะพันธมิตรแห่งแหวนในยุคที่สามของมิดเดิ้ลเอิร์ธ อย่าง The Lord of the Rings: The Return of the King (2003) ถึงสองเท่าตัวโดยประมาณ ด้วยงบประมาณที่สูงเช่นนี้ สามารถทำให้ คาเมรอน สามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่สมจริงของเรือโดยสารข้ามมหาสมุทรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในช่วงเวลาของมันอย่าง อาร์.เอ็ม.เอส. ไททานิค ได้แทบจะออกมาอย่างไร้ที่ติ ทั้งความหรูหราบนชั้นโดยสารของผู้โดยสารชั้นหนึ่ง  หรือความอัดแน่นในชั้นโดยสารชั้นสาม รวมไปถึงความวุ่นวายในห้องเครื่องยนต์ของโครงสร้างเหล็กเดินทะเลที่มีความยาวกว่า 260 เมตรออกมาได้อย่างสมจริง รวมถึงในตอนที่เรือที่มีสมญานามว่าไม่มีวันจมนี้กำลังดำดิ่งสู่พื้นมหาสมุทรแอตแลนติก ก็ถูกทำออกมาได้ยิ่งใหญ่เช่นไม่ต่างจากทิวทัศน์บนดาวแพนโดร่าในภาพยนตร์เฟรนไชส์ Avatar ของผู้กำกับชาวแคนาเดียนเลย

และทั้งสองบทบาทนำนี้ก็ได้ส่งทั้ง ดิแคพรีโอ ให้เป็นดาราชายชั้นนำของฮอลลีวูดมาจนถึงทุกวันนี้ ด้วยการถูกเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลออสการ์ถึงหกครั้ง ส่วน วินสเลต ก็ได้ก้าวกระโดดในอาชีพนักแสดงหลังจากบทบาทของ โรส นับตั้งแต่ Eternal Sunshine of the Spotless Mind (2004) จนถึงเวลาที่เธอกลายมาเป็นนักแสดงผู้ชนะรางวัลออสการ์ ในสาขานักแสดงนำหญิงจากภาพยนตร์เรื่อง The Reader (2008)

สุดท้ายแล้ว การกลับมาสู่โรงภาพยนตร์อีกครั้งเนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปี ในครั้งนี้ ก็จะเป็นโอกาสอันดีของผู้ชมด้วยเช่นกัน ที่จะได้รับชมประสบการณ์สุดพิเศษที่หาได้เฉพาะจากในโรงภาพยนตร์เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ชมรุ่นเก๋าที่อยากจะย้อนความหลังไปกับภาพยนตร์ในความทรงจำเรื่องนี้ หรือว่าจะเป็นผู้ชมรุ่นใหม่ที่รอคอยจะสัมผัสตำนานรักสุดยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรกก็ตาม

Comments

comments