ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีข่าวใหญ่เกิดขึ้นในวงการภาพยนตร์ ซึ่งก็คือการเข้าซื้อกิจการของ วอร์เนอร์บราเธอส์ ด้วยข้อตกลงมูลค่ากว่า $82.7 พันล้านเหรียญ จากทาง เน็ตฟลิกซ์ บริษัทเจ้าของสตรีมมิ่งชื่อดังที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี
โดยหากการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวลุล่วงไปได้ด้วยดี เน็ตฟลิกซ์ จะกลายมาเป็นเจ้าของภาพยนตร์และทีวีซีรีส์ทั้งหมดของ วอร์เนอร์บราเธอส์ รวมไปถึงสตรีมมิ่งอย่าง เอชบีโอ แม็กซ์ และ เอชบีโอ
ซึ่งก็หมายความว่า ในอนาคตผู้ใช้บริการ เน็ตฟลิกซ์ จะมีโอกาสได้รับชมภาพยนตร์ในจักรวาล แฮร์รี่ พอตเตอร์ และ จักรวาลภาพยนตร์ดีซี รวมไปถึงซีรีส์อย่าง The Big Bang Theory (2007-2019), The Sopranos (1999-2007) และ Game of Thrones (2011-2019) หรือ มหาศึกชิงบัลลังก์ ได้ผ่านทางช่องทางของ เน็ตฟลิกซ์
โดยทาง เน็ตฟลิกซ์ จะเข้าซื้อหุ้นในราคา $27.75 เหรียญต่อหุ้น และมีค่าธรรมเนียมการเลิกสัญญาอยู่ที่ $5,000 ล้านเหรียญ หากข้อตกลงนี้ไม่สามารถบรรลุได้ในอนาคต โดยในตอนนี้ถือว่าการเข้าซื้อกิจการยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เพราะว่าต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบและข้อกฎหมายต่าง ๆ ซึ่งจะใช้เวลา 12-18 เดือน
อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ ทำให้เกิดกระแสความกังวลต่อการผูกขาดในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮอลลีวูด รวมไปถึงความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นกับระบบการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์แบบเดิม เนื่องจากธุรกิจหลักของ เน็ตฟลิกซ์ คือ ระบบสตรีมมิ่ง ทำให้การนำเอาภาพยนตร์เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เป็นระยะเวลานาน ๆ จะไม่ส่งผลดีกับธุรกิจหลักนั่นเอง
