THE FIRST SLAM DUNK — เดอะ เฟิสต์ สแลมดังก์
124 MIN. — 2022
Takehiko Inoue — ทาเกฮิโกะ อิโนอูเอะ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า สแลมดังก์ เป็นหนึ่งในการ์ตูนที่เป็นหนึ่งในความทรงจำที่ยอดเยี่ยมที่สุดในวัยเด็กของใครหลายคน โดยการ์ตูนเรื่องนี้เริ่มตีพิมพ์ลงในนิตยสารโชเน็นจัมป์รายสัปดาห์มาตั้งแต่ในปี 1990 ก่อนที่จะสิ้นสุดเรื่องราวลงในปี 1996 และถูกต่อยอดความสำเร็จออกมาทั้งในแบบการ์ตูนรวมเล่มและแอนิเมชั่นที่ถูกแปลเป็นหลากหลายภาษาและเผยแพร่ออกไปทั่วโลก รวมไปถึงภาพยนตร์และเกมถูกทำออกมาอย่างต่อเนื่อง
แต่หนึ่งสิ่งแฟน ๆ ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่คงจะไม่สบอารมณ์นักกับแอนิเมชั่นของการ์ตูนเรื่องนี้ ก็คือ ความเชื่องช้าและน่าเบื่อของมัน ด้วยการใช้ภาพฉากเดิมวนไปเรื่อย ๆ ที่เหมือนกับการที่ผู้ชมต้องมานั่งดูตัวละครพูดคุยกับลูกบาสเกตบอลที่ถูกเลี้ยงไปบนคอร์ทที่มีความยาวเป็นอนันต์ เหตุผลก็เพราะว่าเนื่องจากแอนิเมชั่นเรื่องนี้ถูกผลิตขึ้นมาในปี 1993 ด้วยเทคโนโลยีที่ยังไม่ก้าวหน้านักในยุคนั้น ทำให้การเคลื่อนไหวของตัวละครต่าง ๆ ที่มีความรวดเร็วในแบบกีฬาบาสเก็ตบอลนั้น ยังไม่สามารถถูกสร้างขึ้นได้ ทำให้ผู้ชมจำนวนหนึ่งอาจจะไม่ชอบใจนักที่ตัวของแอนิเมชั่นไม่สามารถตอบสนองกับจินตนาการของผู้ชม และความสมจริงในแบบเดียวกับกีฬาบาสเกตบอลในโลกแห่งความเป็นจริงได้
แล้วก็เหมือนกับฝันที่เป็นจริงสำหรับแฟน ๆ ของการ์ตูนเรื่องนี้ เมื่อผู้เขียนการ์ตูนเรื่องนี้อย่างอาจารย์ ทาเกฮิโกะ อิโนอูเอะ ได้ออกมาประกาศผ่านทางทวิตเตอร์ในปี 2021 ว่า การ์ตูนเรื่องนี้จะได้รับโอกาสในบอกเล่าเรื่องราวใหม่อีกครั้ง ด้วยเทคโนโลยีการสร้างแอนิเมชั่นและภาพยนตร์ในปัจจุบัน โดยจะเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่มีชื่อว่า THE FIRST SLAM DUNK (2022) หรือ เดอะ เฟิสต์ สแลมดังก์ ซึ่งอาจารย์ อิโนอูเอะ จะรับหน้าที่เป็นผู้กำกับภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้เอง โดยเพิ่งจะเข้าฉายที่ญี่ปุ่นเมื่อปลายปีก่อน และเข้าฉายในบ้านเราในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
โดยฝันที่เป็นจริงที่กล่าวถึงไปก่อนหน้านี้จะยิ่งมีคุณค่าขึ้นไปอีก โดยเฉพาะแฟนรุ่นเก๋าติดตามแอนิเมชั่นของการ์ตูนเรื่องนี้มาตั้งแต่ยุคแรก การที่พวกเขาและเธอได้มาเห็นภาพของตัวละครที่เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติเหมือนกับจินตนาการในวัยเด็ก แถมยังช่วยขยับขยายรายะเอียดของเรื่องราวที่ของทีมบาสเกตบอลแห่งโรงเรียนมัธยมปลายโชโฮคุ ที่เราอาจจะไม่เคยเห็นในหนังสือการ์ตูนมาก่อน โดยจะมีฉากหลังของแอนิเมชั่นอยู่ในระหว่างการแข่งขันระหว่างทีมบาสเกตบอลโรงเรียนมัธยมปลายโชโฮคุและเทคโนฯ ซังโน ซึ่งเป็นนัดเดียวกันกับการแข่งขันนัดสุดท้ายที่เราได้อ่านกันแบบเต็ม ๆ ในฉบับการ์ตูน
เรื่องราวในภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้จะใช้ตัวละคร มิยางิ เรียวตะ เป็นตัวนำเรื่อง โดยตัวของ เรียวตะ ถือว่าเป็นตัวละครที่มีความโดดเด่นน้อยที่สุดของทีมโชโฮคุในหนังสือการ์ตูน เพราะว่าเราไม่ค่อยจะได้เห็นแรงผลักดันในการเล่นบาสเกตบอลของเขาเหมือนกับตัวละครอย่าง ซากุรางิ, อาคางิ และ มิสึอิ รวมไปถึงเบื้องหลังของเขา ซึ่งการเลือกใช้ตัวละครนี้ ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะว่าก็มีความเสี่ยงที่ว่าหากประเด็นของ เรียวตะ ออกมาได้ไม่ดี แอนิเมชั่นก็อาจจะล้มเหลวไปอย่างสิ้นเชิงเลยก็ได้
แต่การเลือกเอาตัวละครนี้เป็นตัวละครนำเรื่อง กลับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอย่างที่สุด เนื่องจาก เรียวตะ เป็นตัวละครที่มีเรารู้เบื้องหลังของเขาน้อยที่สุด การที่ได้ไปสำรวจชีวิตในวัยเด็กของเขาในแอนิเมชั่นเรื่องนี้ ก็เหมือนกับการรับชมภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวดราม่าสุดขมขื่น และทำให้เราได้รู้ว่าแรงผลักดันของเขาอาจจะเหนือกว่าทุกคนในทีมโชโฮคุเสียด้วยซํ้า
ส่วนตัวละครอื่น ๆ อีกกว่าสิบตัวทั้งที่อยู่ในทีมโชโฮคุและซังโน ถึงแม้จะไม่ได้มีมิติที่ลึกซึ้งเหมือนกับ มิยางิ เรียวตะ แต่ก็ยังคงมีมิติที่น่าสนใจรอบด้านพอที่จะทำให้เราทำความเข้าใจความคิดและแรงผลักดันของตัวละครเหล่านี้ได้ ถึงแม้จะไม่ได้ขยับขยายเรื่องราวเพิ่มเติมไปจากฉบับหนังสือการ์ตูนก็ตาม
ส่วนใครที่ไม่เคยอ่านหนังสือการ์ตูน หรือรับชมแอนิเมชั่นต้นฉบับ ก็ยังสามารถรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างไม่ได้ขาดอรรถรสเท่าใดนัก เพราะว่าเรื่องราวของ เรียวตะ เพียงอย่างเดียวทำหน้าที่เป็นเหมือนภาพยนตร์ดราม่าญี่ปุ่นเรื่องเยี่ยมเรื่องหนึ่ง ที่จะพาคุณไปเสียนํ้าตาให้กับความสัมพันธ์ในครอบครัวของเขาได้แล้ว แต่หากจะให้พูดอย่างตรงไปตรงมาแล้ว ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแฟนของสแลมดังก์อย่างแท้จริง โดยเฉพาะแฟนคลับของ มิยางิ เรียวตะ พอยต์การ์ดอันดับหนึ่งของคานางาวะ คนนี้