John Wick: Chapter 2 — เมื่อฉากจบที่ผลักดันจักรวาลมือสังหารไปอีกขั้น ต้องแลกมาด้วยการหลงทางอยู่ในสุสานแห่งโรม

John Wick: Chapter 2 — จอห์น วิค แรงกว่านรก 2

122 MIN. — 2017

Chad Stahelski — แชด สตาเฮลสกี้

 

***** มีการเปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่อง John Wick: Chapter 2 หรือ จอห์น วิค แรงกว่านรก 2 *****

หลังจากประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจในภาคแรก คีอานู รีฟส์ ในบทบาทของ บาบายาก้า ก็กลับมาสู่โลกของมือสังหารอีกครั้งในอีกสามปีถัดมา ในภาพยนตร์ภาคต่อที่มีชื่อว่า John Wick: Chapter 2 หรือ จอห์น วิค แรงกว่านรก 2 เมื่อเหตุการณ์ในภาคแรกที่ทำให้เขาต้องกลับเข้ามาสู่แวดวงมือสังหาร แต่การกลับออกไปอีกครั้งไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป เมื่อเขามีหนี้จากอดีตในคราวที่เขาออกจากวงการครั้งแรกไปต้องชดใช้

จอห์น วิค แรงกว่านรก 2 มาพร้อมกับฉากแอคชั่นที่ยิ่งใหญ่และเต็มอิ่มมากยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากใช้งบประมาณในการสร้างมากกว่าภาคแรกประมาณเท่าตัว ที่เมื่อมารวมกับแนวทางในการเดินเรื่องที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดเป็นฉากที่น่าจดจำมากมายในตัวภาพยนตร์ โดยฉากที่หลายคนคงจะจดจำได้ดีถึงแม้จะไม่ใช่ฉากแอคชั่น ก็คือ ฉากของการตัดสูทและเลือกซื้ออาวุธเมื่อ จอห์น วิค เดินทางไปถึงยังกรุงโรม

ในส่วนของฉากแอคชั่นก็น่าประทับใจกว่าภาคแรกมาก โดยเฉพาะตั้งแต่ฉากตั้งแต่ช่วงกลางเรื่องเป็นต้นไปที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ในการออกแบบฉากแอคชั่นของผู้กำกับที่เป็นอดีตสตั๊นแมนมาก่อนอย่าง แชด สตาเฮลสกี้ ได้เป็นอย่างดี ประกอบกับการที่ได้ผู้กำกับภาพคนใหม่อย่าง แดน เลาสต์เซน มาร่วมงานด้วย โดย เลาสต์เซน คนนี้เป็นผู้กำกับภาพที่เคยร่วมงานกับผู้กำกับมาดีกรีรางวัลออสการ์อย่าง กิเยร์โม เดล โตโร่ มาแล้วใน Crimson Peak (2015) หรือ ปราสาทสีเลือด ก่อนที่จะมาทำงานกับ สตาเฮลสกี้ ในภาพยนตร์ จอห์น วิค ทุกภาคหลังจากนั้น ฝีมือการกำกับภาพของเขาจะเห็นได้จากการออกแบบการถ่ายทำฉากการต่อสู้ในงานเลี้ยงที่โรมและห้องกระจกในพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่นิวยอร์ค ที่เต็มไปด้วยแสงสีจัดจ้านแตกต่างจากภาพยนตร์แอคชั่นทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด และก็ออกมาดูดีกว่าภาพยนตร์แอคชั่นเหล่านั้นด้วย

และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ฉากท้ายของเรื่องที่น่าจดจำและกล้าหาญเป็นอย่างมาก แม้ว่าอาจจะดูคาดเดาได้บ้างกับสิ่งที่ จอห์น จะทำลงไปในฉากนั้น แต่ก็ยังต้องชื่นชมความกล้าหาญของทีมงานสร้างว่า ต้องมั่นใจเป็นอย่างมากแน่นอนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะประสบความสำเร็จจนได้ทำภาคต่อไปอีก ไม่เช่นนี้ก็เท่ากับว่าฉากท้ายเรื่องที่น่าจดจำนี้จะทำให้ทุกคนหงุดหงิดเนื่องจากเรื่องราวในจักรวาลมือสังหารจะค้างคาอย่างแน่นอน

แต่ภายใต้การพัฒนาหลาย ๆ ด้านที่เกิดขึ้น มิติของตัวละครหลายตัวในภาคนี้กลับตื้นเขินไม่แตกต่างจากภาคแรก หรือบางทีอาจจะแย่กว่าเสียด้วยซำ้ เนื่องจากต้องกระจายบทให้กับตัวละครที่มีจำนวนมากขึ้น สังเกตได้จากตัวละครอย่าง แอรีส ที่รับบทโดย รูบี้ โรส ซึ่งเป็นมือสังหารที่ จอห์น จะต้องมาเผชิญหน้าด้วย จะเห็นได้ว่าเราแทบจะไม่ได้รู้ถึงเบื้องหลังของตัวละครนี้เลย แม้กระทั่งฉากที่ต้องต่อสู้กับ จอห์น ก็ไม่ได้น่าประทับใจเอาเสียเลย ซึ่งก็รวมไปถึงตัวละครที่ต้องปะทะกับ จอห์น อีกคนอย่าง แคสเซี่ยน ของแร็ปเปอร์อย่าง คอมม่อน ที่ดูจะมีมิติมากกว่า แอรีส แต่ก็ไม่ได้ดีพอที่จะทำให้อินไปการที่เขาต้องมาต่อสู้กับ จอห์น เลย เนื่องจากเราก็ไม่ได้รู้ถึงอดีตที่เป็นเบื้องหลังของแรงจูงใจของตัวละครนี้แต่อย่างใด

แม้กระทั่งตัวละครของ ริคคาโด้ สคามาชิโอ ที่เป็นตัวร้ายหลักของเรื่องอย่าง ซานติโน่ ดิ อันโตนิโอ ที่แม้ว่าจะถูกถ่ายทอดให้มีความเป็นตัวร้ายได้อย่างชัดเจน แต่ก็เป็นตัวร้ายที่ตื้นเขิน ด้วยเหตุผลเดิม ๆ ที่ว่าเราไม่ได้รู้ถึงเบื้องหลังของตัวละครนี้มากพอ ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ จอห์น และความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ จิอานน่า ดิ อันโตนิโอ ผู้เป็นพี่สาว เมื่อนำความด้อยทางมิติของตัวละครเหล่านี้ มาเปรียบเทียบของมิติของตัวละครนำอย่าง จอห์น วิค เอง ที่ถูกแสดงออกมาตั้งแต่ในฉากแรกที่เขาไปทวงเอารถของตัวเองคืน ว่าตัวของเขาเองยังมีความปราณีอยู่ในหัวใจ ซึ่งเป็นแง่มุมที่เราไม่เคยได้เห็นมาก่อน ก็ยิ่งทำให้บาดแผลเรื่องมิติของตัวละครนี้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ปฏิเสธไม่ได้ว่าบาดแผลเรื่องมิติของตัวละครนี้ คือ สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์ภาคที่สองในจักรวาลมือสังหารนี้หลงทางอยู่ในสุสานแห่งกรุงโรมอยู่ไม่น้อย แต่โชคยังดีที่บาดแผลดังกล่าวนี้ถูกรักษาในภาพยนตร์ภาคต่อ ๆ ไป ทำให้เฟรนไชส์ จอห์น วิค กลายมาเป็นเฟรนไชส์ที่กำหนดแนวทางของภาพยนตร์แอคชั่นในยุคสมัยปัจจุบันนี้

Comments

comments