Scream VI — ความหวีดครั้งที่โหดเลือดสาดถึงใจ และปั่นป่วนจนคุณเดาตัวฆาตกรไม่ถูก

Scream VI — หวีดสุดขีด 6

123 MIN. — 2023

Matt Bettinelli-Olpin — แมตต์ เบตติเนลลี-โอลพิน

Tyler Gillett —ไทเลอร์ กิลเล็ตต์

 

 

เฟรนไชส์ภาพยนตร์ Scream หรือชื่อภาษาไทยที่เรียกกันว่า หวีด เป็นเฟรนไชส์ภาพยนตร์สยองขวัญแนวไล่เชือดที่มีเสน่ห์แตกต่างออกไปจากเฟรนไชส์แนวไล่เชือดอื่น ๆ ในฮอลลีวูด คือ การที่ภาพยนตร์จะมีฉากเชือดสุดโหดเป็นฉากเปิดเรื่อง และในทุกภาคจะไม่เปิดเผยตัวฆาตกรจนถึงฉากไคลแม็กซ์ช่วงท้าย รวมไปถึงการที่มันเสียดสีจิกกัดภาพยนตร์หลากหลายเรื่อง ซึ่งรวมไปถึงภาพยนตร์ภาคก่อนในเฟรนไชส์ของตนเองด้วย

และการกลับมาโดยเว้นระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งปีจากภาคก่อนอย่าง Scream (2022) หรือ หวีดสุดขีด ในครั้งนี้ กับภาพยนตร์ Scream VI (2022)หรือ หวีดสุดขีด 6 ก็จะเป็นการสานต่อความสำเร็จเหนือความคาดหมายของคู่หูผู้กำกับ แมตต์ เบตติเนลลี-โอลพิน และ ไทเลอร์ กิลเล็ตต์ ที่มารับช่วงต่อจาก เวส คราเว่น เจ้าพ่อภาพยนตร์สยองขวัญผู้ล่วงลับ ที่ทำหน้าที่กำกับภาพยนตร์ในเฟรนไชส์ หวีด ทุกภาคก่อนหน้านี้ มาตั้งแต่ปี 1996

โดยการกลับมาในครั้งนี้ จะเปลี่ยนแปลงสังเวียนเชือดจากวูดส์โบโร่ห์ไปสู่มหานครอันดับต้น ๆ ของโลกอย่างนิวยอร์ค ที่ซึ่งผู้รอดชีวิตจากการสังหารโหดครั้งก่อนที่วูดส์โบโร่ห์ตัดสินใจจะมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ความคึกคักของมหานครแห่งนี้ก็ไม่อาจจะหยุดความบ้างคลั่งของเจ้าฆาตกรหน้ากากผีคนใหม่นี้ได้ เพราะว่าเจ้าฆาตกรคนใหม่นี้จะนำเอาความวุ่นวายและเห็นแก่ตัวของคนในที่แห่งนี้มาเป็นเครื่องมือในการไล่เชือดของมันแทน

กลุ่มผู้รอดชีวิตดังกล่าว ประกอบไปด้วย ซาแมนธา (เมลิสซา บาร์เรร่า) และ ทาร่า คาร์เพนเทอร์ (เจนนา ออร์เทก้า), แชด (เมสัน กู๊ดดิ้ง) และ มินดี้ มีคส์-มาร์ติน (แจสมิน ซาวอย บราวน์) ที่ต้องมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในมหาวิทยาลัย พร้อมกับรักษาผลกระทบทางจิตใจที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์สยองในครั้งนั้น ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะช่วยในการสร้างมิติให้กับตัวละครในเรื่องนี้ ให้แตกต่างออกไปจากตัวละครในภาพยนตร์ไล่เชือดเรื่องอื่น ๆ ทำให้พวกเขาและเธอไม่ได้เป็นเพียงแค่กระสอบทรายของฆาตกร แต่เป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อและชีวิตจิตใจ ที่มีความต้องการจะเอาชีวิตรอดจริง ๆ

ความโหดของโกสต์เฟสที่ทวีคูณขึ้นในภาคนี้ ก็ทำให้ฉากไล่ล่าในเรื่องที่เกิดขึ้น บีบหัวใจของผู้ชมอย่างเราอย่างสุด ๆ อย่างที่ได้เห็นในตัวอย่างภาพยนตร์ว่ามีฉากเจ้าโกสต์เฟสจับปืนลูกซองไล่สังหารโหดเหยื่อที่อยู่ในร้านสะดวกซื้อ นอกเหนือไปจากการใช้มีดที่เป็นอาวุธหลักอย่างที่เคยเห็นมา ก็ทำให้เราเชื่อได้เลยว่า เจ้าหน้ากากผีคนนี้ มีความมุ่งมั่นและตั้งเป้าหมายสูงสุดไว้ว่าจะสังหารเหล่าผู้รอดชีวิตให้จงได้ และยังเสริมด้วยจังหวะการไล่ล่าที่อัดแน่นมาจนทำให้แทบจะหายใจไม่ทั่วท้อง ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถกระตุ้นกราฟความสนุกได้แทบจะไม่ขาดตอนเลยตลอดทั้งเรื่อง

เรื่องการจักกัดเสียดสีก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยม แม้จะไม่ได้ถูกเน้นหนักเท่ากับในภาพยนตร์ภาคก่อน ๆ แต่ก็ได้มีการอัพเดตมุกเหล่านี้ให้เข้ากับยุคสมัยแห่งภาพยนตร์เฟรนไชส์ที่เราอยู่กันในตอนนี้ และยังมีฉากที่ย้อนกลับไปคารวะภาพยนตร์ หวีด ในภาคก่อน ๆ ที่จะทำให้แฟน ๆ ของเฟรนไชส์ต้องปลื้มใจอย่างแน่นอน

ความยอดเยี่ยมหลายประการที่กล่าวถึงมานี้ ก็สามารถช่วยปิดจุดอ่อนของภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างเรื่องของความไม่สมเหตุสมผลบางประการของเรื่องราว และความอึดจนเกินต้านของตัวละคร ที่ก็ถือว่าเป็นจุดอ่อนทั่วไปที่มีอยู่ในภาพยนตร์สยองขวัญแนวไล่เชือดทั้งหลายในตลาด แต่สิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้แตกต่างออกไปและทำให้มันกลายมาเป็นภาพยนตร์สยองขวัญแนวไล่เชือดที่มีมาตรฐานสูง คือ การที่มันเล่าเรื่องได้อย่างมีชั้นเชิงและสร้างมิติของตัวละครได้อย่างลํ้าลึก โดยไม่ได้ขายแพงแต่ความโหดเลือดท่วมจอเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

Comments

comments