Moneyball — เพราะปาฏิหารย์และความผิดหวัง คือความโรแมนติกที่ทำให้เรารักกีฬา

MONEYBALL — เกมล้มยักษ์

133 MIN. — 2011

Bennett Miller — เบนเน็ตต์ มิลเลอร์

 

 

***** มีการเปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่อง Moneyball หรือ เกมล่มยักษ์ *****

ภาพยนตร์กีฬาถือว่าเป็นแนวภาพยนตร์หนึ่งที่สร้างความประทับใจจนติดอยู่ในใจผู้ชมได้ยาก ทั้งการที่มันต้องทำต้องอธิบายกฏกติกาให้กับผู้ชมที่เข้าไม่เข้าใจให้เห็นภาพคร่าว ๆ ไปพร้อมกันกับผลักดันประเด็นความตื่นเต้นและความดราม่าของเรื่องราว และจะยิ่งยากขึ้นไปอีกเมื่อมันเป็นกีฬาที่ไม่ได้มีความเป็นสากลจนเป็นที่นิยมกันอย่างทั่วโลกอย่าง เบสบอล ที่ส่วนมากแล้วจะเป็นที่นิยมกันเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ เกมล้มยักษ์ หรือ Moneyball เป็นภาพยนตร์ที่สามารถนำพาผู้ชมก้าวข้ามกำแพงเหล่านี้ไปได้ แม้จะไม่ได้หมดจดสมบูรณ์แบบก็ตามที

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานของผู้กำกับ เบนเน็ตต์ มิลเลอร์ ที่เคยพา ฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟฟ์แมน ผู้ล่วงลับ ก้าวขึ้นไปถึงนักแสดงผู้ชนะรางวัลออสการ์ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ในภาพยนตร์เรื่อง Capote (2005) โดย Moneyball เป็นภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องที่สามที่เป็นผลงานการกำกับของเขาเท่านั้น และนับตั้งแต่ในปี 2011 เป็นต้นมา เขาก็ทำภาพยนตร์เพิ่มขึ้นอีกเพียงแค่เรื่องเดียว คือ Foxcatcher (2014) ที่เป็นภาพยนตร์ดราม่ากีฬาอีกเรื่องหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับวงการมวยปลํ้าในระดับโอลิมปิก ถือว่าผู้กำกับชาวอเมริกันคนนี้ ไม่ได้มีผลงานออกมาให้ชมกันได้บ่อย ๆ แต่ทุกผลงานล้วนแล้วแต่ออกมายอดเยี่ยม และชวนให้จดจำอยู่เสมอ และในเรื่องนี้เขาก็ได้มือเขียนบทอย่าง แอรอน ซอร์กิน ผู้ซึ่งหลังจากนั้นชนะรางวัลออสการ์ในสาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์ The Trial of the Chicago 7 (2022) มาร่วมเขียนบทให้

โดย Moneyball เป็นเรื่องราวของ บิลลี่ บีน (แบรด พิตต์) ผู้จัดการทั่วไปของทีมเบสบอล โอ๊คแลนด์ แอธเลติกส์ หรือ โอ๊คแลนด์ เอส์ ที่เป็นหนึ่งในทีมใน เมเจอร์ลีก เบสบอล ของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่จะพยายามที่จะสร้างทีมเบสบอลขึ้นมาใหม่ด้วยงบประมาณที่จำกัดเขี่ย หลังจากทีมของเขากำลังพังทลายลงไป เนื่องจากผู้เล่นคนสำคัญของเขาถูกซื้อตัวไปโดยทีมที่รํ่ารวยกว่าแทบจะทุกคน โดยสิ่งที่ บีน จะทำต่อจากนี้ จะเป็นการพลิกหน้าประวัติศาสตร์การบริหารจัดการทีมเบสบอลไปอย่างสิ้นเชิง

วิธีการที่ดังกล่าวก็คือ การที่ บีน ทำเอาวิธีการทางสถิติมาใช้แบบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยเขาร่วมวางแผนกันกับนักสถิติ ปีเตอร์ แบรนด์ (โจน่าห์ ฮิลล์) ด้วยการค้นหาผู้เล่นผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทำให้เขามองเห็นผู้เล่นแตกต่างออกไปจากผู้จัดการทีมคนอื่น โดย บีน ไม่มองถึงมูลค่าทางการตลาด หรือบุคลิกภาพภายนอกของนักกีฬาเหล่านี้ ต่างจากผู้จัดการทีมคนอื่นที่จะมองว่า นักกีฬาคนหนึ่งอาจจะมีนิสัยบางอย่างที่ไม่ดี อย่างเช่น เจเรมี่ จิอัมบี้ อาจจะมีนิสัยที่ชอบเที่ยวสถานบันเทิงประเภทไนท์คลับเปลื้องผ้า ทำให้ภาพลักษณ์ออกมาดูไม่ดี หรือ สก็อต แฮตเทเบิร์ก (คริส แพร็ตต์) ที่มีท่าขว้างที่ประหลาดออกไปจากพิชเชอร์คนอื่น ๆ หรือ เดวิด จัสติส (สตีเฟ่น บิชอพ) ที่เป็นนักกีฬาวัยโรยราที่ไม่มีทีมเบสบอลใด ๆ ต้องการตัวแล้ว แต่ บีน กลับนำเอาผู้เล่นที่ผู้จัดการทั่วไปคนอื่นเบือนหน้าหนีเหล่านี้ มารวมตัวกันในทีมของเขา เนื่องจากพวกเขาสามารถทำเบส ซึ่งจะเป็นหนทางไปสู่การทำแต้มในกีฬาเบสบอลได้

โดยแผนการเหล่านี้อ้างอิงมาจากเหตุการณ์จริงของ บิลลี่ บีน และ พอล เดอโพเดสต้า ที่พวกเขานำเอาความรู้จากหนังสือเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า Moneyball: The Art of Winning an Unfair Game ของนักเศรษฐศาสตร์ ไมเคิล ลูวิส มาใช้ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารย์จากคนกีฬาว่า เป็นการลบหลู่ความศักสิทธิ์ของกีฬาชนิดนี้ด้วยความรู้ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ไม่เข้าใจเกมกีฬาเบสบอลเสียด้วยซํ้า

ถึงแม้ช่วงแรกแผนการแบบนี้จะไม่ประสบความสำเร็จนัก เนื่องจาก อาร์ท ฮาวน์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนที่เป็นผู้ตัดสินใจว่านักกีฬาคนใดจะได้ลงสนาม ไม่ยอมใช้ตัวผู้เล่นที่เขาสรรหามาให้ จนเมื่อ บีน ยอมหักดิบนำเอาตัวผู้เล่นที่ ฮาวน์ ชื่นชอบเป็นการส่วนตัวออกไปจนหมด ทำให้เขาจำเป็นต้องใช้ตัวผู้เล่นที่ บีน หามาให้เท่านั้น เทพนิยายของ โอ๊คแลนด์ เอส์ จึงเกิดขึ้น เพราะหลังจากนั้น พวกเขาชนะการแข่งขันรวดถึง 20 เกม ติดต่อกัน ครองสถิติเป็นอันดับสี่ตลอดกาลของ เมเจอร์ลีก เบสบอล จนถึงปัจจุบันนี้

โดยความร้อนแรงของพวกเขานั้นถึงกับถูกแฟน ๆ ยกให้ว่า ทีมรักของพวกเขาอาจจะไม่พบกับความพ่ายแพ้อีกเลยก็เป็นได้ แต่สุดท้ายแล้ว โอ๊คแลนด์ เอส์ ก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันแชมป์ เวิลด์ ซีรีส์ เนื่องจากพวกเขาพ่ายแพ้ให้กับทีม มินิโซต้า ทวินส์ ในช่วงโพสต์ซีซั่น หรือที่เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่าการแข่งขันรอบเพลย์ออฟ

แม้ว่าเทพนิยายของ โอ๊คแลนด์ เอส์ จะไม่ไปถึงฝั่งฝันในโลกแห่งความเป็นจริง แต่ในเส้นทางเหล่านี้ก็เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายให้ผู้ชมได้ติดตาม นอกเหนือไปจากที่จะได้เห็นเรื่องราวของกีฬาโดยตรงเพียงอย่างเดียว เราก็จะได้เห็นเทคนิคการเจรจาต่อรองค่าตัวผู้นักกีฬาของ บีน, ความเจ็บปวดของการเป็นคนขี้แพ้ที่ล้มเหลวหลายเรื่องในชีวิต ทั้งการที่เขาไม่ประสบความสำเร็จในทางเลือกอาชีพนักกีฬาเบสบอล และมองย้อนไปถึงตอนที่เขาควรที่จะเลือกทุนการศึกษาในมหาวิทยาลัยมากกว่าการเข้าสู่วงการกีฬา หรือประเด็นที่เขาล้มเหลวในชีวิตครอบครัว จนต้องแยกกันอยู่กับภรรยาและลูกสาวของตัวเอง

Moneyball ถูกเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลออสการ์ในปีนั้นถึงหกรางวัล ได้แก่ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี, สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ของ แบรด พิตต์, สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ของ โจน่าห์ ฮิลล์, สาขาการตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, สาขาการผสมเสียงยอดเยี่ยม และสาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม แต่เป็นที่น่าเสียดายที่พลาดรางวัลไปทั้งหมด

ถึงแม้ทั้ง โอ๊คแลนด์ เอส์ และ เกมล้มยักษ์ จะไปไม่ถึงฝั่งฝันกันทั้งคู่ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าจดจำ ทั้งการแสดงที่เข้าถึงความเป็นผู้แพ้อย่างที่สุดของ แบรด พิตต์ หรือไม่ก็เป็นฉากของการชนะต่อเนื่อง, ฉากของการเปิดเพลงของลูกสาวของ บีน ในรถของเขา รวมไปถึงฉากกลายปลอบประโลมเป็นครั้งสุดท้ายระหว่าง บีน และ แบรนด์ ในท้ายที่สุดแล้ว ก็คงจะต้องขอพูดประโยคที่เป็นไอคอนของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการปิดท้ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

It’s hard not to be romantic about baseball.

Comments

comments

One Ping

  1. Pingback: ketamine therapy san diego