มนต์รักนักพากย์ ฉายภาพจุดเปลี่ยนยุคสมัย
นี่คือเสียงจากยุคใหม่ส่งรักถึงอดีต
เขียนโดย MACNO
หลังจากที่ดึงความสนใจได้จากตัวอย่าง มนต์รักนักพากย์ ก็สามารถมัดใจคนดูได้อยู่หมัด ด้วยฝีมือของผู้กำกับ อุ๋ย นนทรีย์ ที่ทุ่มเททั้งหัวใจ เพื่อเล่าเรื่องราวย้อนยุคสุดลึกซึ้งของ ขบวนรถเร่ของนักพากย์หนังกลางแปลง ในช่วงอาชีพการงานของพวกเขากำลังถูกคุกคามจากยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
จากมุมมองของคนที่เกิดในยุคที่ถ้าเปรียบหนังกลางแปลงเป็นผู้ป่วย ก็คงเป็นผู้ป่วยโคม่าที่ทำได้แค่ยื้อชีวิตไว้เท่านั้น เราดูไปด้วยความสงสัยว่าจะมีความรู้สึกร่วมกับหนังได้ขนาดไหน แต่เพราะกระแสที่แรงจนไม่สามารถมองข้ามได้ก็ต้องลองดู จนเมื่อได้ดูหนังจบ เรากลับอินกับเรื่องราวไปสุดตัวทั้งที่ไม่เคยดูหนัง มิตร ชัยบัญชา เลยสักเรื่อง
ถึงแม้เนื้อเรื่องของหนังจากผิวเผินจะเป็นเรื่องของการเดินทางของกลุ่มเพื่อน แต่ถ้ามองลึกลงไปอีกสักนิด เนื้อจริงๆของหนังเป็นการกล่าวถึง ช่วงเปลี่ยนผ่านของยุคสมัยและการทำตามความฝัน
ปัญหาที่กลุ่มตัวละครหลักต้องเผชิญนั้น แท้จริงไม่ใช่ทีมพากย์คู่แข่ง หรือ อุปสรรคระหว่างการเดินทาง แต่กลับเป็นความสนใจของคนดูที่เบื่อสิ่งเดิม ๆ และโหยหาสื่อบันเทิงรูปแบบใหม่ที่หวือหวา น่าสนใจมากขึ้น
Mon Rak Nak Pak. (L to R) Sukollawat Kanaros (ศุกลวัฒน์ คณารศ) as Manit (มานิตย์), Jirayu La-ongmanee (จิรายุ ละอองมณี) as Kao (เก่า), Nuengthida Sophon (หนึ่งธิดา โสภณ) as Rueangkhae (เรืองแข) in Mon Rak Nak Pak. Cr. Courtesy of Netflix © 2023
ถ้าลองมาคิด ๆ ดูแล้ว เรื่องนี้ก็เหมือนหยอกล้อกับสถานการณ์ภาพยนตร์ในปัจจุบัน ที่โรงหนังต้องแข่งกับบริการสตรีมมิ่งเพื่อแย่งความสนใจของผู้ชม (กลับกันบริการสตรีมมิ่งเองก็ช่วงชิงด้วยเหมือนกัน) นี้คงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เรา เหล่าผู้คนในยุคปัจจุบันสามารถเชื่อมตัวเองกับหนังเรื่องนี้ได้ในอีกทางหนึ่ง
ตัวละครสำคัญของเรื่องอย่าง มานิตย์ ถือเป็นตัวแทนของทุกคนที่ต้องการจะทำตามความฝันของตนเองให้ได้ไกลที่สุด ถึงแม้เขาอาจจะไม่ได้เป็นคนที่เก่งที่สุด แต่เขาก็รักและภาคภูมิใจในสิ่งที่เขาได้เป็นส่วนร่วมด้วยและจะสู้ไปกับสิ่งนี้จนรู้แล้วรู้รอด สำหรับเราแล้วตัวละคร มานิตย์ เป็นทั้งภาพสะท้อนของความคิดคนในยุคปัจจุบันและเป็นผู้มอบความหวังให้กับทุกคนที่ได้ดูให้ยึดมั่น อย่ายอมแพ้กับความฝันของตัวเอง
ทั้งหมดนี้ทำให้ มนต์รักนักพากย์ เป็นหนังที่สามารถสื่อสารเรื่องราวของตัวเองได้อย่างลึกซึ้งกินใจคนดูทุกคนจนน้ำตาคลอเบ้าเมื่อฉากไคลแมกซ์ของเรื่องมาถึง เราเชื่อว่า เรื่องราวของชายนักพากย์ช่างฝันกับเพื่อนของเขาบนรถแวนเก่าๆ จะตราตรึงใจทุกคนที่ได้ดูไปอีกนาน
