ยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า Dune: Part Three (2026) จะมีการเล่าเรื่องข้ามช่วงเวลาจากตอนจบภาพยนตร์ภาคที่สองผ่านไปแล้วประมาณ 15-20 ปี ตามการให้สัมภาษณ์ของ ทิโมธี ชาลาเมต์ กับทาง เกมส์เรดาร์พลัส
โดยเขาจะกลับมารับบทเป็น พอล อะเทรดีส อีกครั้งหนึ่ง แต่ในครั้งนี้จะเป็นตัวละครดังกล่าวในวัยผู้ใหญ่ ที่ครองอำนาจและแบกรับภาระหนักอึ้งมาแล้วอย่างยาวนาน
“พูดแบบไม่เฉลยอะไรเกี่ยวกับ Dune: Part Three มากเกินไป ผมเล่นเป็นฉบับที่โตกว่า และยังเป็นใครคนที่ได้รับผลกระทบจากการเป็นผู้นำเป็นเวลายาวนานหลายปี และแบกภาระเหล่านั้นไว้ มันแตกต่างออกไป”
“ผมไม่อยากที่จะพูดมากเกินไป แต่สิ่งที่ผมจะบอกก็คือ เดอนี ได้ทำมันออกมาอย่างถูกต้องมาก เกี่ยวกับการรับรู้ถึงความท้าทาย ที่ผมหมายถึงก็คือ ทั้งการพูดคุยกันเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ของเขากับผมจำนวนมาก ซึ่งเป็นส่วนงานสร้างสรรค์ของเขา และมุมมองต่อโลก และการพัฒนาบทที่ผมมีส่วนเกี่ยวด้วยน้อยมาก พวกเราต่างรับรู้ถึงความท้าทายในการสร้างหนังภาคที่สาม”
“และผมก็คิดว่ามันเป็นแรงบันดาลใจจากมุมมองของศิลปิน ไม่จำเป็นจะต้องมาจากนักแสดง แต่เป็นมุมมองจากศิลปินที่จะพูดได้ว่า ‘ว้าว มาดูชายคนนี้สิ ที่เขาเผชิญหน้ากับความท้าทายของหนังภาคที่สาม ทั้งที่หนังสองภาคแรกก็ได้รับเสียงตอบรับดีอยู่แล้ว’”
นอกเหนือไปจาก ชาลาเมต์ แล้ว ทีมนักแสดงชุดเดิมอย่าง เซนเดย์อา, ฟลอเรนซ์ พิวจ์, จอช โบรลิน, คริสโตเฟอร์ วอล์คเคน, เจสัน โมโมอา, อันย่า เทย์เลอร์-จอย และ รีเบ็คก้า เฟอร์กูสัน จะกลับมารับบทเดิมต่ออีกครั้ง สมทบด้วยนักแสดงคนใหม่อย่าง โรเบิร์ต แพททินสัน
Dune: Part Three หรือ ดูน ภาคสาม มีกำหนดการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 17 ธันวาคม 2026