ผ่านไปแล้วประมาณสี่ปี หลังจากการเข้าฉายของ No Time to Die (2021) หรือ 007 พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายในบทบาท เจมส์ บอนด์ ของ แดเนียล เครก และความคืบหน้าที่เงียบหายไปพักใหญ่ ในที่สุดก้าวต่อไปของแฟรนไชส์พยัคฆ์ร้ายก็ได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้วในช่วงกลางดึกที่ผ่านมา
โดยทาง อเมซอน เอ็มจีเอ็ม สตูดิโอส์ ได้ออกมาประกาศว่า เดนิส วิลล์เนิฟ ได้ถูกเลือกให้มาเป็นผู้กำกับของภาพยนตร์เรื่องต่อไปในแฟรนไชส์ เจมส์ บอนด์ ภายใต้งานออกแบบงานสร้างของ เอมี่ ปาสคาล และ เดวิด เฮย์แมน
วิลล์เนิฟ ได้กลายมาเป็นตัวเลือกอันดับแรกของทางสตูดิโอ ท่ามกลางการแข่งขันระหว่างเขากับผู้กำกับชื่อดังอีกหลายคน อย่างเช่น เอ็ดเวิร์ด เบอร์เกอร์, เอ็ดการ์ ไรท์, โจนาธาน โนแลน และ พอล คิง
ส่วนขั้นตอนต่อไปก็คือ การเขียนบทภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวให้เสร็จสิ้น ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการค้นหาตัวนักแสดงต่อไป
วิลล์เนิฟ ได้พูดถึงการตกลงรับหน้าที่ผู้กำกับครั้งนี้เอาไว้ว่า
“หนังที่ผมได้ไปดูบ่อย ๆ ในความทรงจำของผมนั้น เชื่อมโยงกับ 007 ผมเติบโตขึ้นมากับการดูหนัง เจมส์ บอนด์ ร่วมกับพ่อของผม นับตั้งแต่ Dr. No ของ ฌอน คอนเนอรี่ ผมเป็นแฟนตัวยงของ บอนด์ สำหรับผมแล้ว เขาเป็นเหมือนพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ผมตั้งใจที่จะยกย่องธรรมเนียมและเปิดเส้นทางสำหรับภารกิจใหม่ ๆ ที่จะเข้ามา นี่เป็นความรับผิดชอบอันมหึมา แต่ในขณะเดียวกันก็น่าตื่นเต้นอย่างมากสำหรับผม และเป็นเกียรติมาก เอมี่, เดวิด และผม ต่างตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้นำเอาเขากลับมาสู่จอภาพยนตร์ ขอบคุณ อเมซอน เอ็มจีเอ็ม สตูดิโอส์ สำหรับความเชื่อใจของพวกเขา”
ตามมาด้วยความเห็นของ ไมค์ ฮอปกินส์ หัวหน้าของ ไพร์ม วิดีโอ และ อเมซอน เอ็มจีเอ็ม สตูดิโอส์
“พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติที่ เดนิส ได้ตกลงที่จะกำกับภาพยนตร์ เจมส์ บอนด์ เรื่องต่อไป เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับภาพยนตร์ คนที่ผลงานการกำกับก็ได้แสดงให้เห็นแล้ว จาก Blade Runner 2049 มาถึง Arriva มาถึงภาพยนตร์ Dune เขาได้มอบโลกที่น่าสนใจ, ภาพที่เต็มไปด้วยการเคลื่อนไหว, ตัวละครที่ซับซ้อน และสำคัญที่สุดคือ การเล่าเรื่องที่เสมือนจริงที่ทำให้ผู้ชมทั่วโลก ต้องการที่จะสัมผัสในโรงภาพยนตร์ เจมส์ บอนด์ ได้อยู่ในมือของหนึ่งในผู้กำกับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปัจจุบันแล้ว และเราก็รอไม่ไหวแล้วที่จะได้เริ่มต้นการผจญภัยครั้งต่อไปของ 007”
ปิดท้ายด้วยความเห็นของ ปาสคาล และ เฮย์แมน
“เดนิส วิลล์เนิฟ ได้หลงรักภาพยนตร์ เจมส์ บอนด์ มาตั้งแต่ตอนที่เขายังเป็นเด็ก การที่จะได้ทำหนังเรื่องนี้มันเป็นความฝันของเขามาโดยตลอด และในตอนนี้มันก็กลายมาเป็นของพวกเรา พวกเราโชคดีที่ได้อยู่ในมือของนักสร้างภาพยนตร์แสนพิเศษคนนี้”
