The Book of Eli — ก้าวเดินแห่งศรัทธาของชายผู้กอบกู้ดินแดนล่มสลาย

The Book of Eli — คัมภีร์พลิกชะตาโลก

118 MIN. — 2010

Albert Hughes — อัลเบิร์ต ฮิวจ์ส

Allen Hughes — อัลเลน ฮิวจ์ส

 

***** มีการเปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่อง The Book of Eli หรือ คัมภีร์พลิกชะตาโลก *****

ชื่อของ อัลเบิร์ต ฮิวจ์ส และ อัลเลน ฮิวจ์ส หรือ พี่น้องฮิวจ์ส อาจจะไม่เป็นที่คุ้นหูของแฟนภาพยนตร์ชาวไทยเท่าไหร่นัก เนื่องจากในช่วงหลังมานี้ ทั้งสองคนไม่ได้มีบทบาทโดดเด่นในวงการภาพยนตร์ ทั้งในฐานะของผู้กำกับและผู้ออกแบบงานสร้าง จนหลายคนอาจจะลืมกันไปแล้วว่า พี่น้องคู่นี้คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์โลกหลังการล่มสลายเรื่องที่เคยผ่านตาผู้ชมหลายคนอย่าง The Book of Eli (2010) หรือ คัมภีร์พลิกชะตาโลก

โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ รับบทนำโดยนักแสดงชายเบอร์ใหญ่ของวงการอย่าง เดนเซล วอชิงตัน ในบทบาทของ อีไล ชายลึกลับผู้ออกเดินทางตามหาสถานที่ซึ่งหนังสือศักดิ์สิทธิ์เล่มหนึ่งจะสามารถถูกเก็บรักษาไว้ได้อย่างปลอดภัย ท่ามกลางอันตรายของโลกหลังการล่มสลายของสังคมมนุษย์เดิมในประเทศสหรัฐอเมริกา ร่วมกับนักแสดงชื่อดังอีกสองคนอย่าง แกรี โอลด์แมน และ มีลา คูนิส

ความโดดเด่นแรกที่เห็นในตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ การที่มันถูกถ่ายทอดออกมาด้วยสีโทนขาวดำเกือบทั้งหมด ซึ่งเป็นตัวเลือกการใช้สีที่เหมาะสมมากในการที่จะถ่ายทอดเรื่องราวความโหดร้ายในโลกหลังการล่มสลาย ต้องขอบคุณผู้กำกับภาพ ดอน เบอร์เกส ที่ถ่ายทอดความแห้งแล้งและความดิบเถื่อนทั้งหลายในโลกของภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อเขาได้ผสมผสานงานภาพเหล่านี้เข้ากับฉากแอคชั่นที่โหดสะใจ และทำให้มันออกมาสวยงามอย่างหาตัวจับได้ยาก

ส่วนวิธีการบอกเล่าเรื่องราวอย่างช้า ๆ ก็ถือเป็นอีกอย่างหนึ่งที่เข้ากันได้ดีกับตัวเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะว่ามันเผยให้เราได้เห็นความสามารถของตัวเอกที่ชวนให้ตกใจ ตลอดไปจนถึงพาเราไปรู้จักกับโลกใบใหม่ที่โหดร้าย รวมไปถึงความสำคัญของหนังสือที่เขาพยายามจะเก็บรักษาเอาไว้ด้วยชีวิต

แต่สิ่งที่เป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราวทั้งหมดของภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างแท้จริงก็คือ เรื่องราวของความศรัทธาในคริสต์ศาสนาของ อีไล ที่เป็นแรงผลักดันให้เขาเร่ร่อนไปในดินแดนรกร้างแห่งนี้อย่างไม่ลดละ และยังเป็นสิ่งที่ทำให้เขาไม่ลังเลที่จะต้องใช้ความรุนแรงกับเหล่าโจรที่เขามาขัดขวาง รวมไปถึงทำให้เขาไม่ไขว้เขวไปกับการล่อลวงจากหญิงสาว

แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายเมื่อทั้งหมดที่กล่าวมาก่อนหน้านี้คือ กลับกลายมาความยอดเยี่ยมทั้งหมดที่ภาพยนตร์เรื่องนี้มีแล้ว ซึ่งถือว่าน้อยกว่าที่คาดหวังเอาไว้พอสมควร เริ่มตั้งแต่ประเด็นทางศาสนาที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือหลักผลักดันเส้นเรื่อง มันกลับถูกสำรวจอย่างเพียงตื้น ๆ เท่านั้น รวมไปถึงสภาพของสังคมในโลกหลังการล่มสลายก็ไม่ได้ถูกบอกเล่าออกมาได้อย่างน่าสนใจแต่อย่างใด กลายเป็นว่าภาพยนตร์ที่เป็นส่วนผสมของ The Road (2009) หรือ เดอะโร้ด ข้ามแดนฝ่าอำมหิต ของผู้กำกับ จอห์น ฮิลโคท และ I Am Legend (2007) ข้าคือตำนานพิฆาตมหากาฬ ที่นำแสดงโดย วิลล์ สมิธ ดูจะสูญเสียศักยภาพที่จะไปได้ไกลกว่ารุ่นพี่ของมันไปทั้งหมดอย่างน่าเสียดาย กลายมาเป็นเพียงภาพยนตร์เกี่ยวกับโลกหลังการล่มสลายที่มีดีเพียงแค่ความงดงามของฉากแอคชั่นเพียงอย่างเดียว

Comments

comments