The Whale — เมื่อการกินคือภาพอันสุดแสนทรมานของชายผู้ค้นหาหนทางไปสู่การไถ่บาป

THE WHALE — เหงา เท่า วาฬ

117 MIN. — 2022

Darren Aronofsky — ดาร์เรน อโรนอฟสกี้

 

***** มีการเปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่อง The Whale หรือ เหงา เท่า วาฬ *****

ภาพยนตร์เรื่องนี้คงจะเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ขับเน้นด้วยการแสดงมากที่สุดเรื่องหนึ่ง เพราะว่าไม่ได้ถึงแม้มันจะพยายามทำให้เห็นความน่าหวาดหวั่นของชายผู้เป็นโรคอ้วนอย่างรุนแรงจนมีนํ้าหนักกว่าหกร้อยปอนด์อย่างไร ภาพเหล่านั้นก็ยังไม่โหดร้ายได้เท่ากับเศษเสี้ยวการกระทำของมนุษย์ที่กระทำต่อกันได้เลย

ไม่อาจะรู้ได้เลยว่าเหตุผลใดคือเหตุผลที่แท้จริง ที่ทำให้ผู้กำกับ ดาร์เรน อโรนอฟสกี้ ถึงเลือกเอาตัว แบรนแดน เฟรเซอร์ มารับบทเป็นชายผู้โดดเดี่ยวอย่าง ชาร์ลี อาจจะเพราะว่า เขาเชื่อมันในฝีมือการแสดงของ เฟรเซอร์ หรือเขาอาจจะมองเห็นว่า เฟรเซอร์ จะเข้าถึงบทบาทนี้ เนื่องจากเขาได้ผ่านประสบการณ์ของความยากลำบากทางจิตใจ หลังจากถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยชายผู้มีหน้ามีตาในวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูดเมื่อหลายสิบปีก่อน หรือเพียงเพราะเขาอยากจะนำพาเอานักแสดงตกอับ ผู้เคยเป็นหนึ่งในดาราแอคชั่นที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของยุค ให้กลับมาอยู่ภายใต้เแสงไฟอีกครั้ง แต่สุดท้ายแล้วเมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉาย เฟรเซอร์ ก็ไม่ทำให้เขาและแฟนภาพยนตร์จำนวนมากผิดหวัง

ผู้ชมจะได้มองเห็น เฟรเซอร์ เป็นเวลาแทบจะทั้งหมดของภาพยนตร์ที่มีความหนึ่งชั่วโมงห้าสิบเจ็บนาที ซึ่งดัดแปลงมาจากบทละครเวทีของ ซามูเอล ดี. ฮันเตอร์ เรื่องนี้ ในภาพของชายผู้ถูกบีบอัดด้วยสัดส่วนภาพแบบ 1.33:1 อยู่ในห้องเช่าเล็ก ๆ ขนาดสองห้องนอน พร้อมกับชั้นหนังสือและอาหารขยะที่กองพะเนิน เขาเป็นชายผู้แทบจะไร้ซึ่งชีวิต ไม่มีความสามารถที่จะออกจากห้องนี้ได้อีกต่อไปด้วยข้อจำกัดทางร่างกาย มีเพียงเพื่อนสนิทของเขา ลิซ (ฮอง เชา) ที่จะคอยปลีกเวลามาดูแลเขาและซื้ออาหารมาฝาก ลิซ ผู้ซึ่งต้องเฝ้ามองคนรักของน้องชายผู้ล่วงลับของเธอ กำลังฆ่าตัวเองลงอย่างช้า ๆ โดยที่เธอหยุดยั้งมันไม่ได้เลย

ชื่อภาพยนตร์ภาษาไทยที่มีชื่อว่า เหงา เท่า วาฬ อาจจะสื่อความหมายได้ไม่ตรงนัก เพราะสิ่งที่ ชาร์ลี ต้องพบเจอช่างห่างไกลกับสิ่งที่เรียกว่าความเหงามาก เขายังมีนักเรียนในห้องเรียนวรรณกรรมออนไลน์ให้พูดคุยด้วย ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นการพูดคุยที่จริงใจเท่าใดนัก เขายังมี ลิซ คอยแวะมาเยี่ยมเยือนเกือบทุกวัน และยังมี แดน คนส่งพิซซ่าที่เป็นห่วงเป็นใยเขา แม้ว่าจะไม่ได้เห็นหน้าเห็นตากัน แต่สิ่งที่มีขนาดเท่าวาฬ ในใจของ ชาร์ลี อาจจะเป็นความรู้สึกผิดของการทอดทิ้งลูกสาว และความรู้สึกผิดของการปล่อยให้แฟนหนุ่มของตัวเองตายไปด้วยความหมกมุ่นในลัทธิวันสิ้นโลก

แต่ถึงทุกอย่างจะโหดร้ายกับเขาเช่นนี้ การแสดงออกของชายผู้ใกล้ตายคนนี้ กลับไม่ได้โหดร้ายอย่างที่ใครหลายคนคาดคิด เขายังคงเป็นชายผู้สุภาพและชื่นชมลูกสาวอย่าง เอลลี่ (เซดี้ ซิงค์) ไม่ว่าเธอจะก่นด่าและสาปแช่ง อีกทั้งใช้งานเขาเป็นเพียงแค่เครื่องมือที่จะทำให้เธอเรียนจบชั้นมัธยมปลายเท่านั้น หรือแม้แต่กับ โทมัส (ไท ซิมพ์กินส์) เด็กหนุ่มผู้แอบอ้างว่าตนเองเป็นมิชชันนารีจากลัทธิที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของแฟนหนุ่มของเขา ชาร์ลี ก็ไม่ได้ขับไสไล่ส่งเขา อีกทั้งยังรับฟังสิ่งที่ โทมัส ต้องการจะเผยแพร่ แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะตอกยํ้าบาดแผลในใจของเขามากเพียงใดก็ตาม

ด้วยการขับเคลื่อนเรื่องราวในแบบเดียวกับละครเวที เราจะได้เห็นตัวละครแต่ละตัวปลดปล่อยความชั่วร้ายออกมาอย่างพรั่งพรู ทั้งพวกเขาและเธอรู้ตัวและไม่รู้ตัว และมันก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมากของภาพยนตร์เรื่องนี้ นอกเหนือไปจากการแสดงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของนักแสดงทุกคน คือการที่ถึงแม้คำพูดของตัวละครแต่ละตัวในเรื่องจะดูตรงไปตรงมา แต่สุดท้ายแล้วก็ยังหลงเหลือพื้นที่ให้ผู้ชมได้นำไปตีความหรือคิดต่อ ตามแต่ประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยพบเจอมา จนอาจจะได้เจอเศษเสี้ยวไม่ว่าดีหรือร้ายของตนเอง แฝงอยู่ในเหล่าตัวละครแสนชั่วร้ายในภาพยนตร์เรื่องนี้

ไม่ว่าจะเป็น ชาร์ลี ชายผู้พยายามที่แสดงความเห็นอกเห็นใจและเอ่ยคำขอโทษกับทุกคน  แต่เขาก็ทำร้ายลูกสาวเพียงคนเดียวด้วยการทอดทิ้งเธอไปหาคนรักใหม่ตั้งแต่เธออายุได้เพียงแปดปี และกำลังฆ่าตัวเองอย่างช้า ๆ ด้วยการสวามปามอาหารขยะที่นำพาเขาไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว ต่อหน้า ลิซ ที่ไม่อยากจะเห็นจุดจบของเขาเช่นเดียวกับน้องชายของเธอ ทั้งที่ตัวเองก็มีเงินกับจากการทำงานมากจนเกินพอที่จะรักษาตัวเองให้หายดี

ลิซ เพื่อนสาวผู้เป็นพยาบาล ที่เธอไม่เชื่อว่าจะมีใครช่วยเหลือ ชาร์ลี ได้ นอกเหนือไปจากตัวของเขาเอง ด้วยการสนับสนุนจากเธอ เธอไม่ยอมให้ใครต้องมาพบ ชาร์ลี ในตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้ ทั้งมิชชันนารี ภรรยา หรือแม้แต่ลูกสาวที่ ชาร์ลี คิดว่านี่คือหนทางเดียวไปสู่การไถ่บาปของเขา แต่ถึงจะมีความห่วงไยอย่างไรก็ตาม ลิซ ก็ยังคงซื้ออาหารขยะมาให้ ชาร์ลี อยู่เสมอ จนทำให้บางทีก็เกิดความสงสัยในวิธีการของเธอว่า เธอต้องการที่จะช่วยเหลือ ชาร์ลี จริง ๆ หรือ

โทมัส เด็กหนุ่มผู้แอบอ้างว่าตนเองเป็นมิชชันนารี ด้วยข้ออ้างที่ว่าต้องการที่ช่วยเหลือใครสักคนหนึ่งที่ต้องการความช่วยเหลือ ให้หันเข้ามาสู่เส้นทางของเพราะผู้เป็นเจ้า แต่ในตอนท้ายของเรื่องที่เขามอง ชาร์ลี ว่าและความรักของ ชาร์ลี ที่มีต่อ อดัม ว่าน่ารังเกียจ เนื่องจากมันขัดกับเส้นทางของเพราะผู้เป็นเจ้า แท้จริงแล้วเขาต้องการที่จะปลดปล่อย ชาร์ลี หรือว่าเพียงแค่ต้องการปลดปล่อยตัวเองจากความล้มเหลวในชีวิตกันแน่

และ เอลลี่ เด็กสาวมัธยมปลายผู้เกลียดชังโลกใบนี้ สิ่งที่เธอทำลงไปทุกอย่างล้วนแล้วแต่เพียงเพื่อเป้าหมายในการทำร้ายผู้อื่น ให้เจ็บชํ้าในแบบเดียวกับที่พ่อทำกับตัวเธอ แต่สุดท้ายแล้วเมื่อเธออ่านเรียงความชิ้นนั้นให้พ่อของเธอฟัง เพื่อปลดปล่อยเขาจากบาป ก็หมายความว่าลึก ๆ แล้วในตัวของเธอ มีความดีงามและน่าทึ่งอย่างที่พ่อของเธอมักจะพูดอยู่เสมอ หลงเหลืออยู่ใช่หรือไม่

รวมไปถึงตอนจบที่ปล่อยให้ผู้ชมได้ตีความเองอย่างอิสระว่า สุดท้ายแล้วแสงสีขาวที่มากระทบร่างของ ชาร์ลี ที่กำลังลอยขึ้นไปเหนือพื้นไม้นั้น คือ การที่พระเจ้าที่เขาปฏิเสธการมีอยู่มาตลอด มาโปรดเขาด้วยการนำเขาไปสู่ร่างใหม่ หรือว่าเขาได้ปลดเปลื้องบาปของตัวเองด้วยความเมตตาของผู้เป็นลูกสาวกันแน่

ถึงแม้ภาพยนตร์จะขับเน้นด้วยอารมณ์ผ่านการแสดงได้อย่างยอดเยี่ยมจนน่าชื่นชม แต่ว่าก็มีข้อวิพากษ์วิจารณ์ถึงการสร้างภาพจำที่ไม่ดีให้กับผู้ป่วยโรคอ้วนอยู่บ้าง และรวมไปถึงมิติของตัวละครที่ดูค่อนข้างด้อย เมื่อเทียบกับระยะเวลาที่มีให้ถ่ายทอดเรื่องราวร่วมสองชั่วโมงเช่นนี้ แต่ทั้งหมดนี้ก็คงจะแล้วแต่มุมมองของผู้ชมแต่ละคนอีกเช่นเดียวกัน

เหงา เท่า วาฬ ได้ถูกเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลในเวทีออสการ์ปีนี้ถึงสามสาขา ได้แก่ สาขาการแต่งหน้าและออกแบบทรงผมยอดดเยี่ยม และสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ของ ฮอง เชา ร่วมไปถึงหนึ่งในสาขาที่มีลุ้นมากที่สุด อย่างสาขานักแสดงนำชาย ของ แบรนแดน เฟรเซอร์ ที่ถ้าหากเขาทำสำเร็จแล้ว ก็คงจะกลายเป็นหนึ่งในเรื่องราวการกลับมาที่ซาบซึ้งที่สุดในประวัติศาสตร์ของฮอลลีวูด

Comments

comments