The Last of Us — คำตอบที่พอดีซึ่งมาทำลายคำสาปของการดัดแปลงจากเกม

The Last of Us

HBO

 

 

แม้ว่าปี 2023 จะผ่านไปยังไม่ครบหนึ่งเดือนเต็มด้วยซํ้า แต่ดูเหมือนกับว่าพื้นที่ว่าที่ซีรีส์แห่งปีในใจของคอซีรีส์และซีรีส์ที่ทำจากเกมที่ยอดเยี่ยมที่สุดของคอเกมกำลังได้ถูกจับจองพื้นที่ส่วนมากไปแล้ว โดยซีรีส์เรื่องแรกของทาง HBO ประจำปีนี้ ที่มีเชื่อว่า “The Last of Us”

โดยความยอดเยี่ยมของซีรีส์เรื่องนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ ฉากเปิดเรื่องก่อนจะที่เราจะได้เห็นอินโทรของตัวซีรีส์ ที่เป็นฉากของการพูดคุยถกเถียงกันของนักวิทยาศาตร์เกี่ยวกับสาเหตุของโรคระบาดที่จะให้มนุษยชาติเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ทำให้เราขนลุกได้กับความสยดสยองที่จะเกิดขึ้นหากเหล่าเชื้อราเหล่านี้เกิดวิวัฒนาการขึ้นมาจริง ๆ ซึ่งขนาดตัวของผมเองที่รู้เนื้อเรื่องทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไปจนถึงจบเกมภาคที่สอง ก็ยังอดที่จะทำหน้าแบบโฮสต์รายการไม่ได้เลย

อีกอย่างหนึ่งที่ต้องชื่นชมคือตัวภาพยนตร์สร้างความตึงเครียดและความน่ากังวลต่อเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ดีมาก ซึ่งการสร้างสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นผ่านทางรายละเอียดเล็ก ๆ อย่างการเคลื่อนไหวมือของตัวละคร หรือแม้กระทั่งเสียงไอของตัวละครประกอบในฉาก อีกทั้งงานภาพก็ยังทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เป็นที่ชื่นชอบของชาวเกมจำนวนมาก คือการบางส่วนของเนื้อเรื่องในซีรีส์ได้เป็นส่วนที่ขยับขยายเรื่องราวในจักรวาลของโลกที่ล่มสลายได้เยอะมาก ๆ อย่างเช่น สาเหตุของการติดเชื้อที่ไม่เคยถูกพูดถึงตรง ๆ ในตัวเกม หรืออย่างสถานการณ์ก่อนการเริ่มแพร่ระบาด ที่เราได้รับรู้ผ่านมุมมองของซาร่าห์ ลูกสาวของโจเอล แถมยังมีส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปจากเกมอย่างเห็นได้ชัดด้วยเช่นเดียวกัน อาทิเช่น เหตุการณ์แพร่ระบาดครั้งแรกที่ลูกสาวของโจเอลได้เจอ และอีกเหตุการณ์หนึ่ง คือ สาเหตุของความขัดแย้งระหว่างโจเอลและโรเบิร์ต

แต่ที่กล่าวมาในเบื้องต้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญของบทความนี้แต่อย่างใด

โดยต้องเกริ่นก่อนว่า ซีรีส์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากเกมแอคชั่นผจญภัยเคล้ากลิ่นดราม่าสุดเข้มข้นในชื่อเดียวกันจากค่าย Naughty Dog ที่เปิดตัววางขายในปี 2013 บนเครื่องคอนโซลเพลย์สเตชั่น 3 และกวาดคะแนนจากนักวิจารณ์บนเว็บ Metacritic จำนวน 70 คน ไปได้ถึง 95 คะแนน รวมไปถึงคะแนนจากทางฝั่งเล่นทั่วไปจำนวน 18,812 คน สูงถึง 9.2 คะแนน ก่อนที่จะมีภาครีมาสเตอร์ตามมาในปีถัดมา พร้อมกับเนื้อเรื่องเสริมของตัวละครหลัก และต่อเนื่องมาจากถึงภาคต่ออย่าง The Last of Us Part II ในปี 2020 บนเครื่องคอนโซลเพลย์สเตชั่น 4 ตามมาด้วย The Last of Us Part I ที่เป็นการรีเมคเกมในภาคแรกที่ถูกปล่อยออกมาพร้อมกับการยกเครื่ององ์ประกอบทุกอย่างใหม่หมด บนเครื่องคอนโซลเพลย์สเตชั่น 5

ด้วยความยอดเยี่ยมในระดับนี้ เชื่อได้ว่าเฟรนไชส์ The Last of Us เป็นหนึ่งในเฟรนไชส์ที่คอเกมน้อยคนนักจะไม่เคยได้ยินชื่อของมันผ่านหูมาก่อน และโดยส่วนมากแล้วหากไม่ได้เล่นด้วยตนเอง ก็คงจะได้ดูผ่านทางช่องทางของนักแคสเกมที่มีอยู่มากมาย และด้วยความเข้มข้นของดราม่าในเกม ก็ทำให้เราเชื่อได้ว่ามันจะเป็นเกมที่มีคนรอคอยให้นำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์หรือไม่ก็ซีรีส์มากที่สุดเกมหนึ่ง

จนกระทั่งถึงมาถึงเมื่อปี 2020 ทาง HBO ได้มีการประกาศว่าจะเริ่มการเริ่มสร้างซีรีส์ขนาดยาวจากเกมที่ทุกคนรอคอยนี้ ก่อนที่จะมีการประกาศออกมาว่า สองนักแสดงนำหลักที่จะมารับบทเป็น “โจเอล” และ “เอลลี่” ได้แก่ “เปโดร ปาสคาล” จาก The Mandalorian และ “เบลล่า แรมซีย์” จาก Games of Thrones ตามลำดับ ซึ่งการแคสติ้งตรงจุดนี้ทำให้เกิดข้อถกเถียงมากขึ้นพอสมควรบนโลกอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะจากชาวเกมว่า ทั้งสองคนหน้าตาไม่ได้คล้ายคลึงกับตัวละครในเกมเอาเสียเลย

โดยทีมนักแสดงที่ถูกคาดหวังให้มารับบทโจเอลและเอลลี่มากที่สุด คือ “ฮิวจ์ แจ็คแมน” และ “เอลเลียต เพจ” โดยเฉพาะอย่างคนในกรณีของนักแสดงคนหลังที่เมื่อเปรียบเทียบหน้าตาแล้ว เรียกได้ว่าตัวละครเอลลี่แทบจะเกิดจากการทำโมชั่นแคปเจอร์มาจากเอลเลียต เพจ

แต่สุดท้ายไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ นักแสดงทั้งสองก็ไม่ได้รับบทดังกล่าวตามอย่างที่แฟน ๆ คาดหวังไว้ และการดำเนินการถ่ายทำก็เป็นไปตามอย่างที่ได้กำหนดไว้

จนเมื่อซีรีส์เรื่องนี้เข้าฉายอย่างเป็นทางการ องค์ประกอบทุก ๆ อย่างของตัวซีรีส์รวมไปถึงการเคมีแสดงที่เข้ากันระหว่าง เปโดร ปาสคาล และ เบลล่า แรมซีย์ ก็ลบข้อครหาและทำตามความคาดหวังของแฟน ๆ เรียกว่าแทบจะสมบูรณ์แบบ โดยกวาดคะแนนจากเว็บมะเขือเน่าในฝั่งของนักวิจารณ์ไป 97 เปอร์เซ็นต์ และจากทั้งฝั่งก็ผู้ชมได้ไปสูงถึง 96 เปอร์เซ็นต์

ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้จะข้อพิสูจน์สำคัญที่ว่า การแคสติ้งนักแสดงมารับบทในภาพยนตร์และซีรีส์ต่าง ๆ ที่ดัดแปลงมาจากเกมรวมไปถึงนวนิยายไม่จำเป็นต้องเหมือนไปทุกตารางนิ้วบนร่างกาย แม้กระทั่งเชื้อชาติหรือสีผิวเองก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลยด้วยซํ้า ขอเพียงแค่พวกเขาและเธอเหล่านั้นสามารถทำการแสดงที่ทำให้ผู้ชมรับรู้อารมณ์ไปด้วยได้ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

โดยหากคาดเดาอย่างง่าย ๆ แล้ว ฉากหลังของเรื่องที่เกิดขึ้นในบอสตันก็คงทำให้คิดได้ว่าครอบครัวของโจเอลคงจะเป็นอเมริกันอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม นักแสดงผู้รับบทเป็นโจเอล อย่าง เปโดร ปาสคาล ก็มีเชื้อสายเป็นชาวชิเลี่ยน เช่นเดียวกันกับ ทอมมี่ ก็รับบทโดย กาเบรียล ลูน่า ที่เป็นชาวแม็กซิกัน ส่วน เบลล่า แรมซีย์ ที่รับบทเป็น เอลลี่ ก็เป็นชาวอังกฤษ เหมือนกันกับ นิโค พาร์กเกอร์ ที่มีเชื้อสายซิมบับเวียนมาจากทางฝั่งแม่ของเธอ

เห็นได้ว่าทั้งสี่คนมีความหลากหลายในทางทางเชื้อชาติเป็นอย่างสูง แต่กลับไม่ได้ส่งต่อการแสดงที่ยอดเยี่ยมของพวกเขาและเธอ ที่ทำให้เราเชื่อได้ว่า พวกเขาคือกลุ่มคนที่เป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันจริง ๆ

ดังนั้นซีรีส์เรื่องนี้จึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดของคำวิจารณ์ที่ว่า ภาพยนตร์หรือซีรีส์ที่ดัดแปลงมาจากเกมบางเรื่องพังเละเทะ เพราะว่านักแสดงไม่ตรงตามตัวละครต้นฉบับ อย่างในกรณีของ Resident Evil (2022) ที่นักแสดงผิวดำอย่าง แลนซ์ เรดดิก มารับบทเป็นตัวละครต้นฉบับที่เป็นตัวละครผิวขาว ว่าที่แท้จริงแล้วนักแสดงก็อาจจะมีส่วนในการทำให้ภาพยนตร์หรือซีรีส์ออกมาไม่ดี ร่วมกับองค์ประกอบอื่น ๆ แต่ก็เป็นในเรื่องของการแสดงที่ยังไม่ถึงขึ้นเพียงเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเชื้อชาติหรือสีผิวแต่อย่างใด

นอกจากเรื่องราวที่เข้มข้นแล้ว หวังว่าซีรีส์เรื่องนี้จะเข้ามาช่วยทำให้ผู้ชมมองเห็นและโฟกัสว่าปัญหาที่มันจะทำให้ภาพยนตร์หรือซีรีส์สักเรื่องหนึ่งออกมาพังเละเทะ ไม่ได้เกิดจากปัญหาเพียงอย่างเดียวที่คุณมักจะคิดกันมาโดยตลอด

สำหรับใครที่สนใจจะรับชมหนึ่งในว่าที่ซีรีส์ที่ดีที่สุดของปีนี้ ก็สามารถติดตามได้ที่ช่องทางการสตรีมมิ่งทาง HBO GO ประเทศไทย โดยซีรีส์จะปล่อยออกมาสัปดาห์ละหนึ่งตอน ในช่วงเวลาของเช้าวันจันทร์ตามเวลาในประเทศไทย พร้อมทั้งเสียงพากย์ภาษาไทย, ภาษาอังกฤษ และภาษาอังกฤษในระบบ 5.1 และซับไตเติ้ลอีกหลากหลายภาษา

Comments

comments