Creed – เปิดเรื่องราวของ อโดนิส จอห์นสัน ชายผู้ที่จะมาสานต่อ ตำนานของ ร็อคกี้ และ อพอลโล ได้อย่างสมศักดิ์ศรี

CREED — ครีด

133 MIN. — 2015

Ryan Coogler —ไรอัน คูกเลอร์

 

 

***** มีการเปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่อง Creed หรือ ครีด *****

เพื่อเป็นการต้อนรับภาพยนตร์ Creed III หรือ ครีด 3 ที่กำลังจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์บ้านเราในวันพรุ่งนี้ จึงเป็นโอกาสดีที่จะพาทุกคนไปรู้จักกับภาพยนตร์เปิดเรื่องราวของ อโดนิส ครีด ซึ่งจะมาสานต่อเรื่องราวของจักรวาลของกำปั้นบนสังเวียนผ้าใบในตำนาน ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ในปี 1976 กับภาพยนตร์ Rocky ที่เป็นเรื่องราวของตัวเอกในชื่อเดียวกัน ร็อคกี้ บัลบัว (ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน) นักมวยไร้ชื่อจากเมืองฟิลาเดลเฟียที่ได้โอกาสชกกับนักมวยแชมป์โลกเวิลด์เฮฟวี่เวท เรื่องราวความพยายามของ ร็อคกี้ ที่ถูกเขียนขึ้นด้วยปลายปากกาของ สตอลโลน ในตอนนั้นก็ได้กลายมาเป็นตำนานยิ่งใหญ่ของทั้งโลกภาพยนตร์และในโลกแห่งความเป็นจริงที่เมืองฟิลาเดลเฟียด้วย โดยทั้งรูปปั้นและบันไดที่ ร็อคกี้ ใช้ฝึกซ้อมร่างกายกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมือง

และหลังจากภาพยนตร์พลิกวงการเรื่องนี้เข้าฉาย ก็มีภาพยนตร์ในเฟรนไชส์เดียวกันนี้ออกมาถึงห้าภาค ได้แก่ Rocky II (1970), Rocky III (1982), Rocky IV (1985), Rocky V (1990) และ Rocky Balboa (2006) ที่คล้ายกับว่าจะเป็นการปิดฉากเรื่องราวของยอดนักชกไว้ในตอนที่เขาอายุได้ 60 ปี แต่เมื่อเวลาผ่านไปอีกเกือบหนึ่งทศวรรษ ก็ได้มีการสร้างภาพยนตร์ที่ถือเป็นภาคแยกของ ร็อคกี้ ขึ้นมา โดยมีชื่อว่า Creed หรือ ครีด

โดย ครีด เป็นเรื่องราวของ อโดนิส จอห์นสัน (ไมเคิล บี. จอร์แดน) ชายผู้เป็นลูกนอกสมรสของ อพอลโล ครีด (คาร์ล เวทเธอร์ส) นักมวยชื่อก้องโลกผู้ล่วงลับ ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนและคู่ปรับ ของ ร็อคกี้ บัลบัว (ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน) โดย อโดนิส ทิ้งโอกาสในสายอาชีพเกี่ยวกับการเงินของตัวเอง เพื่อไล่ล่าความฝันในการเป็นนักชกอาชีพในแบบเดียวกับพ่อของเขา และชายคนที่ช่วยเหลือเขาได้ก็มีเพียงแค่ ร็อคกี้ เท่านั้น

โดยเนื้อเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้โดยร่วมแล้วถือว่าไม่ได้แปลกใหม่อะไรเลย ทั้งเรื่องของการละทิ้งอาชีพของตัวเองเพื่อทำตามความฝันของ อโดนิส และการที่เขาเริ่มมีความรักกับ บิยันก้า (เทสซา ทอมป์สัน) รวมไปถึงความลังเลในตัวของ ร็อคกี้ ผู้ไม่อยากให้ลูกชายของเพื่อนต้องมาประสบกับชะตากรรมแบบเดียวกับพ่อของเขา อพอลโล ที่เสียชีวิตบนสังเวียนมวย หรือตัวของเขาเองที่ได้รับสมองได้รับการกระทบกระเทือนจากการชกมวย ก็ถือว่าเป็นไปตามสูตรสำเร็จของภาพยนตร์ดราม่าฮอลลีวูด

แต่ด้วยประเด็นย่อย ๆ ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่แฝงเอาไว้ในเรื่อง อย่างเช่น เรื่องราวระหว่าง อโดนิส และ แมรี่ แอนน์ (ฟิลิเซีย ราเชด) แม่บุญธรรมของเขาที่ไม่อยากให้เขาเดินทางในเส้นทางอาชีพนี้ เนื่องจากกลัวว่าเขาจะจบชีวิตแบบเดียวกับ อพอลโล สามีของเธอ ตลอดจนเรื่องราวของสภาพจิตใจของ ร็อคกี้ ที่เขาสูญเสียคนรอบตัวจากโรคร้ายไปเกือบทั้งหมด จนทำให้เขาไม่ยอมที่จะรักษาโรคมะเร็งที่เขาเผชิญอยู่ รวมไปถึงมนต์ขลังของเฟรนไชส์ที่มีมาอย่างยาวนานอย่าง ร็อคกี้ ก็ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำออกมาได้ดีกว่าภาพยนตร์ฮอลลีวูดตามสูตรทั่วไป

ส่วนสำคัญของภาพยนตร์กีฬามวยเช่นนี้ อย่าง ฉากแอคชันบนสังเวียนก็ทำออกมาได้ดีตามมาตรฐาน และยังมีฉากชกมวยไฟท์หนึ่งที่เป็นการถ่ายทำแบบลองเทค ที่มีความยาวเกือบห้านาที ก็เป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ เข้าใจในกีฬามวยสากลและพยายามถ่ายทอดมันออกมาด้วยความตั้งใจอย่างถึงที่สุด

สุดท้ายแล้ว ครีด ก็ประสบความสำเร็จในทางการเงิน โดยทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า $173 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างประมาณ $35 ล้านเหรียญ จนนำไปสู่การสร้างภาคต่อถึงอีก 2 ภาค และการแสดงในพาร์ทดราม่าของ สตอลโลน เมื่อเขาก้าวลงจากเวทีมวยก็ทำได้ยอดเยี่ยม รวมไปถึง ไมเคิล บี. จอร์แดน เอง ก็ได้ก้าวขึ้นไปเป็นหนึ่งในนักแสดงชายแนวหน้าของฮอลลีวูด หลังจากการแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยบาทบาทที่หลาย ๆ คน คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีกคงจะเป็น คิลมองเกอร์ ตัวร้ายหลักในภาพยนตร์ Black Panther (2018)

Comments

comments