Where We Belong — ชีวิตภายใต้ความกระอักกระอ่วนของการเติบโตในประเทศโลกที่สาม

WHERE WE BELONG — ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า

130 MIN. — 2019

Kongdej Jaturanrasamee — คงเดช จาตุรันต์รัศมี

 

 

วันนี้จะขอย้อนกลับไปพูดถึงหนึ่งในภาพยนตร์ที่ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ของวงการภาพยนตร์ไทยในรอบสิบปี อย่าง ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า หรือ Where We Belong ของผู้กำกับ คงเดช จาตุรันต์รัศมี ที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในปี 2019

โดยตัวภาพยนตร์ถือถือเป็นภาพยนตร์แนวดราม่าเกี่ยวกับการเติบโตของตัวละครในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งนอกจากทำหน้าดังกล่าวแล้ว ตัวภาพยนตร์ก็ยังทำหน้าที่บันทึกและวิจารณ์สภาพสังคมไทย ผ่านมุมมองของเด็กหญิงอายุสิบแปดปี ผู้ที่มองไปยังอนาคตข้างหน้าของตัวเองอย่างเคว้งคว้าง เนื่องจากถูกแรงกดดันจากคนรอบตัวให้เดินตามขนบธรรมเนียมของสังคม ด้วยการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหลังจากเรียนจบระดับมัธยมปลาย แต่ความฝันที่แท้จริงของเธอนั้น คือ การที่เธออยากออกไปจากประเทศที่เป็นบ้านเกิดของเธอ

ภาพยนตร์ขับเน้นด้วยประเด็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ะระหว่างตัวละคร ซู (เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ) กับคนรอบตัว ทั้งเพื่อน คนรัก และครอบครัว ซึ่งล้วนแล้วแต่หนักแน่นในทุกประเด็น อย่างเช่นในประเด็นของครอบครัวที่ ซู ต้องอยู่ในครอบครัวที่ค่อนข้างจะเข้มงวดและเข้ามามีส่วนร่วมกับการเลือกเส้นทางในอนาคตของเธอ หรือในประเด็นของคนรักที่มีเส้นทางในชีวิตแตกต่างกัน และประเด็นของเพื่อนที่เคยสนิทกัน แต่ในปัจจุบันนี้ไม่แม้แต่จะพูดคุยกันด้วยซํ้า ซึ่งถือว่าตัวของผู้กำกับอย่าง คงเดช เข้าใจในความอึดอันของวัยรุ่นในยุคสมัยนี้ได้เป็นอย่างดีมากเลยทีเดียว

อีกประเด็นหนึ่งที่ภาพยนตร์พยายามจะนำเสนอ คือ การปะทะกันของสองสิ่งที่มีความตรงข้ามกันอย่างสุดขั้ว ทั้ง ความจริง — ความฝัน / ความจริง — ความหลอกลวง / ความทรงจำ— ความเป็นปัจจุบัน / การเปิดเผย— การปกปิด / วัฒนธรรมเก่า — วัฒนธรรมใหม่ ซึ่งที่จะขึ้นอยู่เสมอ ๆ ในความสัมพันธ์ของคนต่างวัยกัน

อารมณ์ของหนังแทบจะตึงเครียดและกระอักกระอ่วนอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้มีจังหวะตลกมาแทรกบ้างเป็นระยะ แต่อารมณ์ของความตึยังคงมีอยู่ตลอด ซึ่งเป็นส่วนที่ดีมาก เพราะว่าโดยปกติแล้วภาพยนตร์ไทยส่วนใหญ่จะควบคุมอารมณ์ให้เป็นไปในทางเดียวกันทั้งเรื่องแบบในภาพยนตร์เรื่องนี้แทบจะไม่ได้เลย

ในส่วนของการถ่ายทำภาพ การตัดต่อ และส่วนของดนตรีก็ดียอดเยี่ยมมาก การจัดองค์ประกอบในหลาย ๆ ฉากมีเสน่ห์สูง มีทั้งการใช้เทคนิคการถ่ายทำแบบลองเทคบ้าง การใช้การถ่ายทำแบบจังหวะธรรมดาบ้าง ดนตรีประกอบก็คัดเลือกเอาวงดนตรีที่หลาย ๆ คนในช่วงวัยวัยรุ่นไปจนถึงอายุสามสิบปีกลาง ๆ น่าจะคุ้นหูกันเป็นอย่างดี อย่างเช่น โยคีเพลย์บอย,โมเดิร์นด็อก และสมเกียรติ

นักแสดงอย่าง เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ กับ แพรวา สุธรรมพงษ์ ก็ถือว่ามีฝีมือการแสดงที่เหนือความคาดหมายในการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรก ๆ ของพวกเธอ โดยเฉพาะ เจนนิษฐ์ ซึ่งเล่นในฉากลองเทคที่ต้องแสดงอารมณ์เยอะมาก ๆ แต่ในทางกลับกัน การแสดงที่ยอดเยี่ยมของทั้งสอง ทำให้มองเห็นจุดอ่อนของนักแสดงที่ปัจจุบันนี้เป็นอดีตสมาชิกของวงไอดอล BNK48 ที่เล่นได้แข็งกว่าทั้งสองคนอย่างเห็นได้ชัด แต่ข้อเสียเหล่านี้ก็ยังไม่สามารถเทียบกับความยอดเยี่ยมจนแทบจะสมบูรณ์แบบในส่วนอื่นของภาพยนตร์ได้เลย

ถ้าหากตัวของภาพยนตร์เรื่องนี้ทั้งเรื่องจะไม่ทรงคุณค่าด้วยตัวมันเอง แต่อย่างน้อยช่วงท้ายของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็สมควรที่จะถูกกล่าวถึงต่อไปอีกสิบหรือยี่สิบปี โดยเฉพาะฉากการไปพบกับร่างทรง และฉากจบที่แสนจะเจ็บปวด

Comments

comments